• October 12, 2024

แนะนำการใช้ Voice Search SEO สำหรับการค้นหาด้วยเสียงให้ติดอับดับสูงหน้าแรก

  • 0

Voice Search SEO คือวิธีการทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกค้นหาและติดอันดับสูงขึ้นในการค้นหาด้วยเสียง ซึ่งมีความแตกต่างจาก SEO แบบเดิม ๆ ที่เราคุ้นเคย เพราะการค้นหาด้วยเสียงมักจะมีลักษณะการค้นหาที่เป็นประโยคยาว ๆ และคำถามที่เป็นธรรมชาติ เช่น “ร้านอาหารไทยใกล้ฉันมีที่ไหนบ้าง?” แทนที่จะเป็นการค้นหาด้วยคำสำคัญสั้น ๆ ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำวิธีการทำ Voice Search SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงหน้าแรกเมื่อมีการค้นหาด้วยเสียง 

ทำความเข้าใจกับพฤติกรรมการค้นหาด้วยเสียง

เมื่อพูดถึง Voice Search สิ่งแรกที่เราควรทำคือการทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้ที่ใช้การค้นหาด้วยเสียง โดยปกติแล้วการค้นหาด้วยเสียงจะมีลักษณะเป็นการพูดคุยในรูปแบบประโยคหรือคำถามที่เป็นธรรมชาติ เช่น “จะไปกินอาหารเช้าที่ไหนดี?” หรือ “ร้านขายเสื้อผ้าเปิดกี่โมง?” ซึ่งแตกต่างจากการพิมพ์ค้นหาในรูปแบบข้อความที่มักจะใช้คำสำคัญสั้น ๆ

  • ใช้เครื่องมืออย่าง Google Analytics และ Search Console เพื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการค้นหาด้วยเสียงที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณ
  • วิเคราะห์คำค้นหาที่เป็นประโยคและคำถาม แล้วนำไปใช้ในการปรับปรุงเนื้อหาและคำสำคัญบนเว็บไซต์

สร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์การค้นหาด้วยเสียง

เนื้อหาที่เหมาะสมสำหรับ Voice Search ควรเป็นเนื้อหาที่ตอบคำถามและให้ข้อมูลที่ตรงประเด็น เนื่องจากการค้นหาด้วยเสียงมักจะเป็นคำถามที่ผู้ใช้ต้องการคำตอบในทันที เช่น “ทำอย่างไรถึงจะลดน้ำหนักได้เร็ว?” ดังนั้น การสร้างเนื้อหาที่เป็นคำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับสูงในการค้นหาด้วยเสียง

  • สร้างเนื้อหาที่เป็น FAQ (Frequently Asked Questions) เพื่อให้ตรงกับรูปแบบการค้นหาด้วยเสียง
  • ใช้ประโยคสั้น ๆ ที่ตอบคำถามได้อย่างชัดเจนและกระชับ

ปรับปรุงเว็บไซต์ให้รองรับการค้นหาด้วยเสียง

เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณถูกค้นหาได้ง่ายขึ้นในการค้นหาด้วยเสียง ควรปรับปรุงโครงสร้างของเว็บไซต์ให้เหมาะสมและเป็นมิตรกับเครื่องมือค้นหา การใช้ Schema Markup หรือข้อมูลที่เป็นโครงสร้างจะช่วยให้เครื่องมือค้นหาสามารถเข้าใจเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณได้ดียิ่งขึ้น

  • ใช้ Schema Markup เพื่อระบุข้อมูลที่สำคัญบนเว็บไซต์ เช่น เวลาเปิด-ปิดร้าน ที่อยู่ หรือเบอร์โทรศัพท์
  • ปรับปรุงความเร็วของเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีและช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงขึ้น

เน้นการทำ Local SEO

การค้นหาด้วยเสียงมักจะเกี่ยวข้องกับการค้นหาข้อมูลในท้องถิ่น เช่น “ร้านกาแฟใกล้ฉัน” ดังนั้น การทำ Local SEO จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับสูงขึ้นในการค้นหาด้วยเสียง

  • ลงทะเบียนธุรกิจของคุณใน Google My Business และทำให้ข้อมูลเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
  • ใส่คำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่นในเนื้อหาและข้อมูลบนเว็บไซต์

เน้นความเป็นธรรมชาติในการใช้คำสำคัญ

การค้นหาด้วยเสียงมีลักษณะการพูดที่เป็นธรรมชาติ ดังนั้นการใช้คำสำคัญที่เป็นธรรมชาติและตรงกับการพูดคุยจริงจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับสูงขึ้นในการค้นหาด้วยเสียง

  • ใช้คำสำคัญที่เป็นประโยคหรือคำถามที่ผู้ใช้มักจะค้นหา
  • หลีกเลี่ยงการใช้คำสำคัญที่ซ้ำซ้อนและไม่เป็นธรรมชาติ

การทำ Voice Search SEO ไม่เพียงแต่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงในการค้นหาด้วยเสียง แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ การเข้าใจพฤติกรรมการค้นหาด้วยเสียง สร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์ ปรับปรุงเว็บไซต์ให้รองรับการค้นหาด้วยเสียง และเน้นการทำ Local SEO เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการทำ SEO สำหรับการค้นหาด้วยเสียง