ในยุคที่ทุกอย่างหมุนเร็วด้วยอินเทอร์เน็ต หลายคนเริ่มได้ยินชื่อ Wi-Fi 6 กันมากขึ้นตามโฆษณาเราเตอร์รุ่นใหม่หรือโปรเน็ตแรง ๆ แต่ก็ยังงงอยู่ไม่น้อยว่า แล้วมันต่างจาก Wi-Fi 5 ที่ใช้กันมานานยังไง จำเป็นต้องอัปเกรดไหม หรือแค่เทคโนโลยีใหม่ที่ไม่ได้ช่วยจริงจังอะไร วันนี้เรามาเจาะลึกให้เข้าใจแบบชัด ๆ ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่เน้นความแตกต่างที่ใช้งานได้จริง
Wi-Fi 5 กับ Wi-Fi 6 คืออะไร ทำไมต้องรู้จักทั้งสอง
Wi-Fi 5 ก็คือมาตรฐาน 802.11ac ซึ่งเปิดตัวตั้งแต่ปี 2014 เป็นเทคโนโลยีที่ใช้กันแพร่หลายในยุคก่อน เช่น มือถือ สมาร์ททีวี โน้ตบุ๊ก หรือเราเตอร์ทั่วไปที่วางขายกันมาก่อนช่วงปี 2020 ขณะที่ Wi-Fi 6 หรือ 802.11ax เป็นเวอร์ชันใหม่ที่พัฒนาให้เร็วขึ้น รองรับผู้ใช้งานจำนวนมากในพื้นที่เดียวกัน และจัดการข้อมูลได้ฉลาดกว่าเดิม เหมาะกับบ้านที่มีหลายอุปกรณ์เชื่อมต่อพร้อมกัน หรือใช้สตรีม 4K เล่นเกมออนไลน์ และทำงานจากบ้านพร้อมกันหลายคน
จุดต่างที่มีผลจริงกับผู้ใช้ทั่วไป
- ความเร็วสูงสุดที่รองรับ
Wi-Fi 5 มีความเร็วทฤษฎีสูงสุดประมาณ 3.5 Gbps ขณะที่ Wi-Fi 6 พุ่งได้ถึง 9.6 Gbps แม้ความเร็วนี้จะขึ้นอยู่กับแพ็กเกจเน็ตและอุปกรณ์ แต่การส่งข้อมูลที่เร็วกว่า ทำให้โหลดวิดีโอ เล่นเกม หรือส่งไฟล์ใหญ่ทำได้เร็วขึ้นจริง - ความเสถียรเมื่อต่อพร้อมกันหลายอุปกรณ์
บ้านที่มีมือถือ 3 เครื่อง แท็บเล็ต 2 เครื่อง สมาร์ททีวี 1 เครื่อง และอุปกรณ์ IoT อย่างกล้องวงจรปิดอีก 2 ตัว หากใช้ Wi-Fi 5 จะเริ่มหน่วง แต่ Wi-Fi 6 ถูกออกแบบมาให้สื่อสารพร้อมกันได้หลายเครื่อง ไม่แย่งกัน ส่งสัญญาณได้ต่อเนื่องกว่า - ประหยัดพลังงานมากขึ้น
เทคโนโลยี Target Wake Time (TWT) บน Wi-Fi 6 ช่วยให้สมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ IoT เข้าสู่โหมดพักแล้วปลุกเฉพาะตอนรับข้อมูลได้ ช่วยให้แบตเตอรี่อยู่ได้นานขึ้นโดยเฉพาะในอุปกรณ์ไร้สาย - ความปลอดภัยที่แน่นกว่าเดิม
Wi-Fi 6 รองรับ WPA3 ซึ่งเป็นโปรโตคอลความปลอดภัยใหม่ ช่วยป้องกันการโจมตีและเข้าถึงเครือข่ายจากบุคคลภายนอกได้ดีขึ้น เหมาะกับยุคที่ข้อมูลส่วนตัวมีความสำคัญ - ลดค่า latency หรืออาการดีเลย์
โดยเฉพาะในเกมออนไลน์หรือแอปประชุมวิดีโอ Wi-Fi 6 ลดเวลาหน่วงลงได้อย่างชัดเจน ช่วยให้เล่นได้ลื่น ไม่สะดุด ไม่ค้าง
ต้องเปลี่ยนตอนนี้เลยไหม แล้วอุปกรณ์เก่าใช้กับ Wi-Fi 6 ได้หรือไม่
Wi-Fi 6 ยังคงใช้ย่านความถี่ 2.4 GHz และ 5 GHz เหมือนเดิม ดังนั้นอุปกรณ์รุ่นเก่าที่รองรับ Wi-Fi 5 ยังสามารถเชื่อมต่อได้ตามปกติ แต่จะไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่จากฟีเจอร์ของ Wi-Fi 6 เช่น ความเร็วสูงสุดหรือการจัดการอุปกรณ์พร้อมกัน หากคุณใช้เราเตอร์ Wi-Fi 6 แต่โทรศัพท์ยังเป็นรุ่นเก่าที่รองรับแค่ Wi-Fi 5 การใช้งานก็จะอยู่ในระดับของ Wi-Fi 5 เท่านั้น ดังนั้นเพื่อได้ประสิทธิภาพเต็มที่ ทั้งเราเตอร์และอุปกรณ์ควรเป็น Wi-Fi 6 ทั้งคู่
ใครควรอัปเกรดเป็น Wi-Fi 6 ทันที
- บ้านที่มีหลายคนใช้งานพร้อมกัน เช่น พ่อแม่ประชุมออนไลน์ ลูกเรียนออนไลน์ พี่เล่นเกม
- คนที่ใช้สตรีม 4K หรือเล่นเกมบนคอนโซลที่ต้องการความเสถียร
- บ้านที่ใช้อุปกรณ์ IoT เช่น กล้อง วิดีโอดอร์เบล สมาร์ทปลั๊กจำนวนมาก
- ผู้ที่ต้องการความปลอดภัยของเครือข่ายในระดับสูง
สรุป
Wi-Fi 6 ไม่ได้มาแค่เพิ่มตัวเลขความเร็วให้ดูอลังการ แต่พัฒนาทุกแง่มุมของการเชื่อมต่อไร้สายให้ทันกับพฤติกรรมการใช้งานของคนยุคใหม่ ทั้งความเร็ว ความเสถียร ความปลอดภัย และการประหยัดพลังงาน แม้ Wi-Fi 5 จะยังเพียงพอกับผู้ใช้ทั่วไปบางกลุ่ม แต่หากคุณใช้งานหลายอุปกรณ์พร้อมกัน มีความต้องการสูงในการเล่นเกม สตรีม หรือทำงานที่บ้าน Wi-Fi 6 จะเปลี่ยนประสบการณ์การใช้อินเทอร์เน็ตในบ้านของคุณให้ลื่นไหลและมั่นคงขึ้นอย่างแท้จริง